คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์กับสโมสรในเวลา 24 นาทีแบบคลิปเดียวจบเลย ตอบทุกคำถาม โดยไม่เหลือพื้นที่ให้ต้องจินตนาการใดๆ อีก
เขาไม่ใช่แค่ลาออก แต่จัดแจงทุกอย่างไว้ครบแล้ว รวมถึงแนะนำแฟนบอลที่ต้องเศร้าแน่ๆ ด้วยว่า “ควรคิดอย่างไรในสถานการณ์นี้”
ผมแปลบทสัมภาษณ์ของคล็อปป์ แบบคำต่อคำเอาไว้ พร้อมกับ Note เรื่องอากัปกริยา และความหมายที่ซ่อนอยู่ ในบทสนทนาไว้ด้วยครับ อ่านจบแล้ว จะเข้าใจในแนวคิดของคล็อปป์มากกว่าเดิมนะครับ และจะได้รู้เลยว่า นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดที่คล็อปป์ทำได้แล้ว
ทำไม คล็อปป์ ถึงรอให้จบซีซั่นไม่ได้ ต้องประกาศในเดือนมกราคมแบบนี้?
[ พิธีกร : เจอร์เก้น เรามานั่งคุยกันตรงนี้ เพราะคุณมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกแฟนๆ ใช่ไหม คุณพร้อมจะบอกพวกเขาแล้วใช่ไหมว่ามันคืออะไร ]
คล็อปป์ : (ถอนหายใจ) ใช่ ผมจำเป็นต้องพูดมันออกไป
ผมจะอำลาสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ หลังจบฤดูกาลนี้ ผมเข้าใจว่า (ถอนหายใจอีกครั้ง) มันคงทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องช็อก โดยเฉพาะถ้าคุณได้ยินมันครั้งแรก แต่ผมสามารถอธิบายได้ว่าที่ตัดสินใจแบบนี้เพราะอะไร
ผมรักทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลแห่งนี้หมดหัวใจ ผมรักทุกอย่างเกี่ยวกับเมืองลิเวอร์พูลแห่งนี้ ผมรักทุกอย่างเกี่ยวกับแฟนบอล ผมรักนักเตะ ผมรักสตาฟฟ์ ผมรักทั้งหมดเลย
แต่แม้จะรักขนาดนี้ ผมก็ยังตัดสินใจแบบนี้ เป็นการยืนยันว่า ผมหักลบทุกอย่างมาดีแล้ว คือ ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี แต่ผมรู้สึกว่า หมดพลังงานแล้ว คือไม่ใช่ว่ามีประเด็นอะไรตอนนี้นะ แต่ผมรู้ตัวเองมาได้สักระยะแล้ว และผมจำเป็นต้องออกมาประกาศเมื่อถึงจุดใดจุดหนึ่ง
คือตอนนี้ผมปกติดีนะ เพียงแต่ผมรู้ตัวเองว่า ผมไม่สามารถทำงานนี้ ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก วนๆ กันไปเรื่อยๆ ได้
หลังจากหลายปีที่เราร่วมทางกันมา และหลายสิ่งที่เราฝ่าฟันด้วยกันมา ก่อสร้างความเคารพนับถือที่เรามีให้กัน ก่อร่างสร้างความรักที่เรามีให้กัน ดังนั้นสิ่งที่ผมควรทำที่สุด ก็คือบอกความจริงกับทุกคน
และนั่นล่ะ คือความจริง
พิธีกร : คุณก็คงรู้เหมือนกันใช่ไหมว่า เรื่องนี้จะเป็นข่าวใหญ่กับแฟนบอลของเราแน่นอน ดังนั้นเราจะมาเจาะลึก ถึงสาเหตุที่คุณตัดสินใจแบบนี้ อย่างแรกเลย ที่แฟนบอลอยากรู้คือ เกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือเปล่า คุณโอเคดีใช่ไหม?
คล็อปป์ : ผมโอเค มีสุขภาพแข็งแรงดี เท่าที่คนวัยผมจะมีได้ มีป่วยนิดป่วยหน่อยบ้าง แต่ไม่มีอะไรรุนแรงถึงขั้นต้องกังวล ดังนั้นทุกอย่างปกติดี
จริงๆ ผมบอกเรื่องนี้กับสโมสรในเดือนพฤศจิกายน … คือแบบนี้ ผมต้องอธิบายเพิ่มว่า งานของผม เวลาผู้คนมองออกมาจากข้างนอก ผมจะทำหน้าที่ยืนคุมทีมข้างสนาม และคุมทีมตอนซ้อมอะไรทำนองนั้น แต่จริงๆ แล้วมันมีรายละเอียดอย่างอื่นที่ต้องทำเยอะมาก
เช่น ฟุตบอลฤดูกาลนี้กำลังจะเริ่มแข่งขัน แต่เราต้องวางแผนล่วงหน้าสำหรับฤดูกาลหน้าเอาไว้แล้ว เราต้องนั่งคุยกันว่าจะซื้อนักเตะคนไหนเข้ามาเพิ่มดี คุยกันว่าจะเข้าแคมป์ช่วงซัมเมอร์ที่ไหน อย่างไรก็ตามขณะที่กำลังแพลนอนาคต ผมมีความคิดในหัวแว้บขึ้นมาว่า ‘แน่ใจแล้วหรือ ว่าเราจะอยู่กับสโมสรนี้ต่อไปอีกในปีหน้า?’
ผมแปลกใจนะ ที่ตัวเองคิดแบบนั้น แล้วจากจุดนั้น ก็เริ่มคิดทบทวนมันอย่างจริงจัง
ในฤดูกาลที่แล้ว ต้องยอมรับว่าเป็นปีที่ยากลำบากมากจริงๆ ผมว่าช่วงที่เราตกต่ำ บางโมเมนต์ ถ้าเป็นสโมสรอื่น คงพูดประมาณว่า ‘ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง แต่เราควรแยกทาง หรือจบกันตรงนี้’ แต่แน่นอน เรื่องแบบนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นที่ลิเวอร์พูล
สำหรับผมมันสำคัญมาก มาก มาก ที่สามารถช่วยทีมให้กำลังมาสู่ทิศทางที่ควรจะเป็นได้อีกครั้ง ในช่วงแรกๆ ที่ผมเห็นทีมยุคใหม่ของเรา และรู้สึกว่า นี่เป็นทีมที่ดีจริงๆ มีนักเตะพรสวรรค์อยู่มากมาย ทีมนี้ มีส่วนผสมที่ดี ของประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และคาแรคเตอร์ที่โดดเด่น เมื่อผมเห็นทีมมันไปต่อได้ ผมจึงเริ่มกลับมาคิดถึงตัวเองอีกครั้ง และนี่คือบทสรุปของทุกอย่าง
การอำลาทีม ไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากทำ แต่เป็นสิ่งที่ผมคิด 100% ว่าเหมาะสมที่ควรจะทำ แค่นั้นเลย
พิธีกร : มีเหตุผลอะไรไหม ที่คุณตัดสินใจตอนนี้ ประกาศตอนนี้ ทั้งๆ ที่เราอยู่ในช่วงกลางฤดูกาล
คล็อปป์ : ในโลกอุดมคติ ผมไม่ควรพูดอะไรกับใครเลย จนกระทั่งจบฤดูกาล เราเดินหน้าคว้าแชมป์ทุกอย่าง และจากนั้นก็กล่าวคำอำลากันไป แต่เรื่องนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำ
ในโลกที่เราใช้ชีวิตอยู่ตอนนี้ มันไม่สามารถเก็บความลับแบบนี้ไว้ได้ ผมว่าแค่เราเก็บมันเป็นความลับจนถึงวันนี้ก็น่าเซอร์ไพรส์มากแล้ว
มีหลายเหตุผล ที่ผมต้องประกาศตอนนี้ หลักๆ คือ เรื่องทีมงานของผม จำเป็นต้องรู้ตัวให้เร็วเพื่อวางแผนในอนาคต เช่นเดียวกับสโมสร ก็จำเป็นมาก ที่ต้องรู้ล่วงหน้านานๆ เพื่อจะได้กำหนดทิศทางถูกว่าจะไปทางไหนต่อ
ถ้ามองในมุมสโมสร พวกเขาไม่สามารถวางแผนอะไรได้เลย ถ้าแค่รู้เรื่องผมจะลาทีม จากการคุยกันภายในเฉยๆ ไม่ใช่การแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ สโมสรต้องการเวลาอย่างมากในจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย (Note : ความหมายของคล็อปป์คือ ถ้าไม่แถลงข่าว ก็เหมือนตัวโค้ชยังไม่ชัวร์ว่าจะอยู่หรือไป อาจเปลี่ยนใจได้ตลอด การติดต่อผู้จัดการทีมคนใหม่ก็ยาก เพราะไม่รู้ว่าคล็อปป์จะเอายังไงแน่ การบอกให้ชัดเจนตอนนี้ จึงสำคัญมาก ถ้าคิดจะทาบทามใครสักคน)
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หน้าที่ของผมคือการควบคุมทุกอย่าง คือจริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากคอนโทรลทุกอย่างขนาดนี้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
แน่นอน ผมไม่อยากกล่าวคำอำลากับใครเลย เพราะนี่จะเป็นการบอกลาสโมสรครั้งที่ 3 ในชีวิตผมแล้ว (Note : ครั้งก่อนหน้านี้คือไมนซ์ ปี 2008 และ ดอร์ทมุนด์ ปี 2015) และใจผมไม่อยากจะต้องร่ำลากันอย่างนั้นอีกเลย แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ต้องทำ
สิ่งที่โน้มน้าวใจผม ให้กล่าวอำลาทีมตั้งแต่วันนี้ คือผมเชื่อว่า ‘การคุณพูดเร็วเกินไป อาจไม่ดี แต่ก็ดีกว่าคุณมาพูดเมื่อสายเกินไป’
เพราะถ้าเก็บเรื่องนี้ เอามาพูดทีหลังมากๆ มันจะเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด ลองคิดดูเล่นๆ นะ ถ้าฤดูกาลหน้า ช่วงเดือนกันยายน ผมมารู้สึกว่า ‘โอ้ พระเจ้า ผมไม่อยากทำงานอีกต่อไปแล้ว’ แล้วอำลาทีมไปเลยกลางฤดูกาลทุกอย่างจะเป็นยังไง
สิ่งที่สโมสรของเรา ได้พยายามสร้างขึ้นมาในช่วง 2-3 ปีหลังสุด มันมีทิศทางที่ดีมาก มันเป็นรากฐานสำคัญสำหรับอนาคต มีเพียงอย่างเดียวที่จะขัดขวาง จนทำให้เราล้มเหลว นั่นคือ ‘เราตัดสินใจพลาดเพราะเราไม่มีเวลาคิดมากพอ’ (Note : ความหมายคือ ถ้าคล็อปป์ลาออกกะทันหัน สโมสรต้องหาโค้ชคนใหม่อย่างเร่งรีบ ทำให้ได้โค้ชที่ไม่ถูกต้อง และอาจทำให้ทุกอย่างที่สร้างมาพังทลาย)
ดังนั้นมันเลยสำคัญกับผมมาก ที่ต้องบอกให้ทุกคนรู้โดยเร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
[ พิธีกร : คุณมีความกังวลไหม ว่าการประกาศข่าวนี้ออกไป จะสร้างผลแง่ลบให้เกิดขึ้น ในช่วงที่เหลืออยู่ของฤดูกาล ]
คล็อปป์ : ผมเข้าใจคำถามนั้น 100% นะ แต่ผมอยากบอกว่า ผลงานจะเป็นอย่างไร มันขึ้นอยู่กับพวกเรานี่แหละ ผมเคยมีสถานการณ์แบบนี้มาก่อนที่ดอร์ทมุนด์ โอเค รายละเอียดมันอาจไม่เหมือนกัน แต่มันก็คล้ายกันอยู่ ผมจึงอยากบอกว่า ‘มันอยู่ที่เราเอง’
หลังจากการประกาศในวันนี้ เราต้องมีแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีก และจากนั้นผมจะไม่พูดเรื่องการลาออกอีกแล้ว แต่จะโฟกัส 100% ถึงเกมการแข่งขัน เชื่อไหม เรามีเกมอีก 30 กว่านัดให้ต้องลงเล่น ในครึ่งหลังของฤดูกาล ถ้าเป็นบางประเทศแทบจะเป็นการแข่งลีก ทั้งซีซั่นของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
บางทีถ้าคนนอกมองเข้ามา อาจคิดว่าการประกาศของผม ไปรบกวนสมาธิในการแข่ง แต่ผมคิดว่า มันขึ้นอยู่กับพวกเราเองอยู่ดี สโมสรของเราได้เติบโตพร้อมๆ กันขึ้นมาในช่วง 2-3 ปีหลังสุด จนกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก ดังนั้นสิ่งที่ผมพูดอยู่เสมอ และจะพูดอีกครั้งในตอนนี้ เพราะมันเป็นเรื่องจริง นั่นคือ ‘เราไม่มีทางจะตกต่ำลงได้ เพียงแค่เพราะขาดผมไปคนเดียว’
จากนี้ไป ผมไม่อยากให้ใครมาพูดถึงผมในประเด็นนี้อีก ผมขอร้อง และจากนี้ไปเราจะสนับสนุนกันต่อไปเรื่อยๆ จนจบฤดูกาล คือ ณ วินาทีนี้ ผมยังอยู่ตรงนี้นะ
เอาจริงๆ ไม่มีใครเห็นความแตกต่างด้วยซ้ำในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ผมตัดสินใจไปแล้ว จริงไหม? จะว่าไปแล้ว 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทุกคนในทีมเล่นได้ดีขึ้นด้วยซ้ำ! (หัวเราะ)
การที่ผมออกมาพูด มันเป็นเรื่องยาก แต่มันก็ทำให้โล่งใจเช่นกัน ความรู้สึกคือแบบ “โอเค เส้นชัยมันอยู่ตรงนั้นแล้วนะ” ผมก็มีคิดนะว่า คงมีความสุขมาก ถ้าผมสามารถรับงานนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่สุดท้าย ผมแค่รู้ใจตัวเองว่าไม่สามารถทำต่อได้อีกแล้ว แค่นั้นเลย
ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ผมอยากจะสร้างผลงานในระดับสูงที่สุด ถ้าเราจะเล่นไม่ดี เหตุผลมีข้อเดียวคือเราเสียสมาธิกันทั้งสโมสร และผมหวังจริงๆ ว่าสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้น
ด้วยนักเตะชุดนี้ ผมมั่นใจว่าทุกคนจะรับมือได้ดีแน่นอน ยิ่งมีแฟนๆ สนับสนุนอย่างนี้อีก ผมว่านักเตะจะผ่านมันไปได้ แต่โลกใบนี้มันกว้างใหญ่ มีโซเชียลมีเดีย ที่นำเสนอข่าวต่างๆ มากมาย ที่อาจทำให้รบกวนจิตใจ ดังนั้นเราต้องช่วยซัพพอร์ทกันให้เต็มที่ และตั้งใจทำ สิ่งที่เราทำอยู่ต่อไป
ผมคิดว่าในฤดูกาลหน้า มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายนักหรอก คือในช่วงปีหลังๆ ความสำเร็จใดๆ คนจะคิดถึงชื่อผม แต่ในสโมสรเรา มีคนอีกมากมายที่ช่วยทำงานหนัก จนเราไปถึงเป้าหมาย และแม้ผมจะจากไปแล้ว พวกเขาก็ยังคงทำงานนั้นอยู่ ใช่ ตำแหน่งของผมจะเปลี่ยนคน แต่ตำแหน่งอื่นยังคงอยู่เหมือนเดิม สโมสรมีคนเก่งคอยดูแลอยู่ และอนาคตของเราก็สดใส
ผมว่าจะสดใสยิ่งกว่าตอนผมอยู่ด้วยซ้ำ คือหมายถึงถ้าผมคุมทีมแบบไม่มีพลังงานแบบวันนี้น่ะนะ
ถ้าคุณดูเส้นทางอาชีพของผม จะไม่คิดเลยว่าผมจะมาอยู่จุดนี้ได้ การได้เป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล เป็นเรื่องงดงามเหมือนเทพนิยาย เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะเกิดขึ้น เรื่องแบบนี้ เราวางแผนไม่ได้หรอก แต่มันจะเกิดขึ้นได้ ถ้าคุณทำงานหนักมากๆ และทุ่มเท ชีวิต 100,000% ในสิ่งที่คุณทำ อุทิศทั้งชีวิตให้กับมัน นั่นล่ะคือสิ่งที่ผมทำ
ผมมาที่สโมสรแห่งนี้ และพูดผมไว้ในวันแรก ว่าผมเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง (Normal guy) และวันนี้ผมก็ยังเป็นคนธรรมดาคนเดิม เพียงแต่ผมไม่ได้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา มานานมากเกินไปแล้ว
และผมไม่อยากต้องรอ จนแก่ไปมากกว่านี้ ที่จะกลับมามีชีวิตปกติอีกครั้ง (Note : ปัจจุบันคล็อปป์อายุ 56 ปี) อย่างน้อยผมก็ควรพยายาม หาโอกาสกลับมาใช้ชีวิตธรรมดาดูบ้าง
ผมคิดถึงชีวิตธรรมดาไหม? อย่างที่ผมบอกไว้ ผมไม่เคยได้ใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ มาก่อนเลย เพราะทำงานตลอด ดังนั้นผมจำเป็นต้องลองดูสักครั้ง นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับผม และเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับสโมสรด้วย
ตั้งแต่ฤดูกาลหน้า ผมจะไม่ทำงานเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล อย่างที่ผมเคยเป็นมาได้อีกแล้ว คือผมคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้อีกต่อไปแล้ว
พิธีกร : ปฏิกริยาของเจ้าของทีม ตอนที่คุณแจ้งพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง
คล็อปป์ : พวกเขาก็ไม่ได้อาละวาดอะไรหรอก เพราะเราสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาหลายปีแล้ว ผมก็แค่อธิบายไป คือพวกเขารู้จักผมมาก็นานแล้ว และรู้นิสัยของผม ว่าเวลาผมพูดเรื่องนี้ ผมเอาจริง ไม่ใช่ว่าแกล้งทำเป็นพูด แต่แอบแง้มประตูไว้นิดหน่อย เพื่อเปิดพื้นที่ให้เจรจา ประมาณว่า ‘เอาหน่อยสิ ลองพยายามเกลี้ยกล่อมฉันดูสิ’
พวกเขายอมรับในสิ่งที่ผมตัดสินใจ แต่ไม่มีใครแฮปปี้หรอก ผมบอกเรื่องนี้ไปกับใคร ก็ไม่มีใครมีความสุข ผมเองก็ไม่มีความสุข เพียงแต่มันเป็นสิ่งถูกต้องที่ควรจะทำ
สิ่งที่ผมคิดตลอด คือจุดจบของผู้จัดการทีมคนหนึ่ง มันจะเป็นอะไรได้บ้าง? โดยปกติแล้ว ผู้จัดการทีมสักคนหนึ่ง จะลงเอยด้วยการโดนไล่ออก คุณทำทีมผลงานแย่ สัก 5 6 7 สัปดาห์ติดกัน แล้วพอคุณโดนไล่ออก ทุกคนก็จะโล่งใจที่คุณไปซะได้ หรือจุดจบอีกแบบหนึ่งคือ คุณทำงานไปเรื่อยๆ จนป่วย สุดท้ายก็ต้องหยุดไปเอง
ดังนั้นสำหรับผม มันก็น่าจะเป็นเรื่องดี ที่ผมไม่ต้องอำลาทีมด้วยการโดนไล่ออก หรือ ป่วยจนต้องลาออก
ในเรื่องนี้ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะสำคัญอะไรหรอกนะ แต่ผมรู้ว่าโลกภายนอก ไม่ได้คิดแบบนั้น ดังนั้นเราจะมีการแถลงข่าว และประกาศอย่างเป็นทางการอีกรอบ ทำให้เป็นกิจจะลักษณะ คือเราจำเป็นต้องสื่อสารเรื่องนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่หลังจากทุกอย่างจบลง ผมก็จะโฟกัสเต็มที่ในเกมกับนอริช จากนั้นก็เกมกับเชลซี และ กับอาร์เซน่อล ไม่ว่าจะมีเกมอะไรเข้ามา ผมพร้อมเต็มที่ ที่จะสู้ทุกเกม
เราไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องมีปาร์ตี้เลี้ยงส่งกันตอนนี้ เพราะฤดูกาลยังอยู่อีกยาวไกลมาก ผมอยากจะมีสมาธิเต็ม 100% ในการแข่งขัน ซึ่ง ณ เวลานี้ ผมก็ยังมีสมาธิแบบนั้นอยู่นะ
ไม่มีใครต้องมากังวล เรื่องความคิดของผม ว่าผมเป็นคนอย่างนี้ อย่างนั้น สิ่งที่จะดีที่สุด คือคุณแค่ยอมรับการตัดสินใจของผมก็พอ และเข้าใจว่า มันยากสำหรับผมเช่นกัน แต่ผมก็คิดมาดีแล้ว
แม้ผมจะรักทุกอย่างในสโมสรแห่งนี้ แต่การย้ายออกไป คือทางเลือกที่ถูกต้อง
พิธีกร : ในมุมของคุณ หลังจากที่การประกาศนี้เกิดขึ้นแล้ว สโมสรก็จะทำงานกันต่อไปอย่างปกติงั้นหรือ?
คล็อปป์ : แน่นอน ทุกคนก็ทำงานกันไปอย่างปกติ อาจจะมีความเสียใจเกิดขึ้น สัก 2-3 วัน คือก็จริงว่า เวลาที่ทุกอย่างมันดีๆ คนเราก็ไม่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น แต่สุดท้ายการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เสมอ
ไม่มีใครรู้หรอกว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เรามีโครงสร้างสโมสรที่ดี และมีกลุ่มนักเตะที่ยอดเยี่ยม ถ้าคุณถามผมตอนที่อายุน้อยกว่านี้ 10 ปี ว่าจะรับงานคุมทีมนี้ไหม ผมจะวิ่งทะลุกำแพงมาเพื่อรับงานนี้เลย เพียงแต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ผมทำงานนี้มา 24 ปีแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก ดังนั้นผมแค่ต้องการเวลา ที่จะไปใช้ชีวิตบ้าง
คือผมไม่รู้เลย ไม่รู้จริงๆ ว่าการได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติ มันเป็นอย่างไร และนั่นคือสิ่งที่ผมอยากไปค้นหา ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป คือผมต้องลองดูตอนนี้เลย จริงๆ ผมไม่รู้แน่ชัดว่า จะอำลาทีมตอนไหน คือผมเพิ่งเซ็นสัญญาฉบับใหม่ไปไม่นานนี้ ซึ่งผมมีความสุขมากๆ ตอนเซ็นสัญญา มันเป็นสิ่งที่ผมคิดว่า เหมาะสมถูกต้อง ณ ช่วงเวลานั้น
สิ่งที่ผมประเมินผิดพลาดไป คือเรื่อง พลังงานในตัวของผม ในเวลานั้น ผมคิดว่าตัวเองมีพลังไม่มีวันหมด พร้อมที่จะทำงานไม่มีหยุด เพราะที่ผ่านมาหลายปี ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้มาก่อนเลย
และเมื่อผมมารู้ตัวว่า พลังงานของตัวเองมันร่อยหรอลงเรื่อยๆ ผมจำเป็นที่จะต้องบอกทุกคนให้ชัดเจน
ผมจะพยายามที่จะอธิบายเรื่องนี้แล้ว ผมอธิบายให้อุลล่า (Note : ภรรยาของคล็อปป์) ว่า ผมก็เหมือนรถสปอร์ตคันหนึ่ง อาจไม่ใช่รถที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ก็มีคุณภาพดีประมาณหนึ่ง มันสามารถขับได้ 160 170 180 ไมล์ต่อชั่วโมงได้อยู่ แต่มีผมที่เป็นคนขับแค่คนเดียว ที่รู้ว่าถังน้ำมันในรถมันค่อยๆ ลดต่ำลงแล้ว แต่คนภายนอกจะไม่เห็นเรื่องปริมาณน้ำมันในรถ
ด้วยปริมาณน้ำมันที่มี คุณสามารถพุ่งทะยานไปได้ในระยะหนึ่ง แต่สุดท้ายคุณก็ต้องหยุดรถ และในกรณีนี้ คุณต้องไปหาปั๊มน้ำมัน นั่นล่ะ คือสิ่งที่ผมรู้ตัว ว่าต้องทำ
แต่ทุกคนไม่ต้องกังวล ว่าผมจะน้ำมันหมด ก่อนที่ฤดูกาลนี้จะสิ้นสุดลงนะ ผมรู้ตัวเองดีว่า ผมยังโอเคดีอยู่ จนถึงวันสุดท้ายของซีซั่น
พิธีกร : ตอนคุณเซ็นสัญญากับสโมสรในปี 2022 มีการพูดถึงว่าอุลล่า มีส่วนสำคัญในการชักจูงให้คุณต่อสัญญาออกไป รีแอ็คชั่นของเธอกับเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
คล็อปป์ : แน่นอน ผมต้องอธิบายเธอ แต่ปฏิกริยาของเธอ ไม่ใช่ว่า ‘โอ้ ขอบคุณพระเจ้า’ อะไรทำนองนั้นนะ คุณอย่าเข้าใจผิดในเรื่องนี้นะ (Note : ว่าอุลล่าเป็นคนโน้มน้าวให้คล็อปป์เลิกคุมทีม) เธอถามผมว่า ทำไมผมคิดแบบนั้น และผมก็อธิบายกับเธอ เหมือนที่กำลังพูดกับคุณในวันนี้ เพียงแต่อาจมีเรื่องรายละเอียดส่วนตัวที่มากกว่านิดหน่อย แต่โดยรวมก็คล้ายๆ กัน
สิ่งที่ชัดเจนคือ อุลล่า อยากให้ผมโอเคจริงๆ ในการตัดสินใจครั้งนี้ และเมื่อผมชัดเจนว่าจะทำอะไร เธอก็ได้รู้ว่าผมคิดทุกอย่างมารอบคอบดีแล้ว จากนั้นเธอก็แฮปปี้กับผม ที่ผมแฮปปี้กับทางที่ผมเลือก
ถามว่าผมไม่มีความสุขหรอกับทุกวันนี้ กับสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับสโมสรเราในช่วงเวลานี้ คือผมมีความสุขมากแทบจะบ้าไปเลย แต่การที่ผมมีความสุขแบบนั้นได้ เพราะผมรู้ว่า ผมไม่ต้องทำงานนี้ตลอดกาล
สิ่งที่ผมต้องการ คือไปค้นหาเป้าหมายในชีวิตอย่างอื่นบ้าง ผมต้องมองหาว่าอยากทำอะไรอีก
ถ้าคุณถามผมว่า ‘คุณจะกลับมาทำงานเป็นผู้จัดการทีมอีกไหม?’ (ถอนหายใจ) ผมจะบอกว่า ‘ตอนนี้ ไม่’ แต่ผมก็ไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะผมก็ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์นี้มาก่อน
แต่สิ่งที่ผมชัดเจนมากที่สุดคืออาจจะคุมทีมฟุตบอลในอังกฤษทีมอื่น ๆ เกี่ยวกับลิเวอร์พูลเรื่องนี้แน่นอน 100% ที่อาจจะคุมทีมอื่น ๆ
ความรักที่ผมมีให้สโมสรแห่งนี้ ความเคารพที่มีให้ผู้คนในเมืองนี้มันยิ่งใหญ่เกินไป ผมไม่เคยคิดที่จะไปคุมทีมไหนทั้งนั้น มันไม่มีโอกาสเลย ลิเวอร์พูลคือส่วนหนึ่งในชีวิตของผม เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวผม เรารู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ตอนใช้ชีวิตในเมืองนี้
แต่ถ้าหมายถึง ผมจะกลับไปทำงานอะไรสักอย่างอีกไหม? แน่นอน ผมรู้ตัวเองดี ว่าไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆ ได้ ผมคงหาสิ่งนั้นสิ่งนี้ทำ แต่ในช่วง 1 ปี ต่อจากนี้ ผมจะไม่รับงานคุมสโมสร และทีมชาติ คือมันเป็นไปไม่ได้เลย ผมทำไม่ได้ และไม่อยากทำด้วย
นั่นล่ะ คือทั้งหมดที่ผมอยากจะบอก มันเป็นเรื่องแปลกดี ที่ผมต้องมาอธิบายว่าตัวเองใกล้จะไม่มีพลังงานเหลืออยู่อีกแล้ว แต่ วินาทีนี้ ที่ผมนั่งอยู่ตรงนี้ ผมยังพอมีพลังงาน มีไฟเหลืออยู่นะ
ผมมีความสุข และตื่นเต้นกับทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับสโมสรลิเวอร์พูลนะ แต่เพราะว่าสายสัมพันธ์ที่ดีมากๆ ของพวกเรา ทำให้ผมต้องคิดทบทวนเรื่องนี้ให้ละเอียดมาก
ไม่มีใครที่จะไล่ผมออกได้ ดังนั้นผมจำเป็นต้องตัดสินใจสิ่งนี้ด้วยตัวเอง และด้วยความรับผิดชอบกับทุกอย่างที่ผมมีต่อสโมสรแห่งนี้ มันได้ย้ำเตือนผม ให้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับสโมสรในอนาคตข้างหน้า ดังนั้นผมก็ต้องพูดออกไป นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ในตอนนี้
มันเป็นเรื่องที่แปลกมากนะ ที่ต้องมาคุยกันเรื่องนี้ คือจริงๆ ผมมองเป้าหมายไปที่เกมเจอนอริชที่จะได้เล่นในบ้าน จากนั้นเราเล่นในบ้านต่ออีกนัดเจอเชลซี และอีกไม่นาน สแตนด์แห่งใหม่ของเราก็จะสร้างเสร็จโดยสมบูรณ์ มีคนเข้ามาดูเต็มความจุ มีสิ่งสวยงามต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ในช่วงเวลาที่ผมอยู่กับสโมสรนี้
อนาคตต่อไปจะติดตามสโมสรอยู่ อาจจะยังไปถึงสโมสรเสมอจะสนับสนุนทีมต่อแต่เพียงแต่จะไม่ส่งผลต่อเก้าอี้ตัวหลักเพียงแค่นั้น
[ พิธีกร : ผมอยากจะถามเรื่องความรักของคุณที่มีให้กับเมืองลิเวอร์พูลบ่อยครั้งที่พูดเรื่องนี้มาแล้วว่าการมีความสำคัญเป็นความเชื่อกิตติศักดิ์มมีความหมายมากๆ กับคำแนะนำ (หมายเหตุ : ในกรณีที่ 2 ขอคลแอพเพล็ต Freedom of the City กับเรื่องราชย์ฯ รองรับเฉพาะคนที่สร้างคุณงามความดีในไดร์เวอร์เท่านั้นโดยผู้ตรวจสอบจะเป็นของขวัญเป็นคีย์เมืองลิเวอร์พูล) ]
คล็อปป์ : (สายตาบ่งบอกว่า เป็นคำถามที่ไม่ค่อยดี น่าจะโฟกัสเรื่องการประกาศอำลาทีมมากกว่า) คือเรามีเวลามากพอนะ ที่จะคุยทุกเรื่องต่อจากนี้ มีเวลาอีกเยอะหลังจากจบซีซั่นไป เมื่อไหร่ก็ได้ คุณอยากจับผมมานั่งคุยตรงนี้ ก็ได้ตลอด ผมยังมีสัญญาจนถึงเดือนมิถุนายน และเราก็สามารถคุยกันได้ทุกอย่าง แต่สำหรับผม สถานการณ์ในวันนี้ คือการประกาศเรื่องอำลาทีม
ดังนั้นเราควรจะพูด เฉพาะสิ่งที่จำเป็นต้องพูดแค่นั้นพอ ส่วนเรื่องอื่นๆ เดี๋ยวจะตามมาทีหลัง
คือกับลิเวอร์พูล ผมไม่ได้แค่ “รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน” นะ แต่บ้านผมอยู่ที่นี่จริงๆ ในเวลานี้ ผมจะรักสโมสรแห่งนี้ตลอดไป และเทิดทูนทีมนี้ไปตลอดกาล เรื่องนี้ก็ชัดเจน 100% ครั้งหนึ่งที่ผมเคยได้รับกุญแจเมือง จะเป็นหนึ่งในโมเมนต์พิเศษที่สุดตลอดชีวิตของผม ซึ่งคงไม่มีทางเกิดสิ่งนี้ขึ้นกับผมอีกแล้ว
ตัวผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่ามีธรรมเนียมอะไรแบบนี้ด้วย มันเลยรู้สึกพิเศษเข้าไปใหญ่เลย ตอนผมได้รางวัล เห็นพิธีการ มีการพูดสปีชถึงคุณ มันรู้สึกเหลือเชื่อมาก ซึ่งการถูกเลือกให้เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ เป็น สเกาเซอร์ที่ได้รับการยอมรับ เป็นสิ่งที่ผมภูมิใจอย่างที่สุด
จริงๆ มีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับเมืองลิเวอร์พูล แต่มันไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะพูดตอนนี้ (Note : เพราะดูเหมือนจะบอกลากัน ทั้งๆ ที่คล็อปป์ยังไม่ไป)
เรามีเวลาดีๆ ร่วมกันมา และหนังสืออันสวยงามเล่มนี้เราช่วยกันเขียนขึ้น แต่ผมต้องการจริงๆ ที่จะเขียนอีกสัก 2-3 ตอนใส่เข้าไปในหนังสือของเรา
มีเรื่องราวมากมายที่ผมอยากจะเล่า เช่น ผมรู้ว่ามีเด็กๆ แฟนบอล ที่วิ่งไล่ตามรถของผมหลังจบเกม พวกเขาแค่อยากได้ลายเซ็น หรือถ่ายรูปคู่ด้วย อะไรทำนองนั้น เด็กๆ ชาวเมืองลิเวอร์พูลหลายคน ไม่เคยเจอผู้จัดการทีมคนอื่นเลยนะ ตั้งแต่พวกเขาเกิดมา
ไม่นานมานี้ ผมเจอเพื่อนของผม ชื่อดาเร่ กอร์แมน ผมก็เล่าให้เขาฟังเยอะเลยว่า พบเจอเรื่องดีๆ อะไรบ้างเกี่ยวกับเมืองลิเวอร์พูล และแฟนลิเวอร์พูล แน่นอนในอนาคต ผมจะเล่าเรื่องพวกนี้ทั้งหมด แต่ ณ วินาทีนี้ ผมอยากจะคุยถึงเรื่องประเด็นการอำลาสโมสรเป็นหลักก่อน
คือการที่ผมประกาศออกไปแบบนี้ บอกเหตุผลไปแบบนี้ แต่ผู้คนก็ยังอาจจะไม่เชื่ออยู่ดี คือถ้าผมมีปัญหาสุขภาพ ทุกคนก็จะบอกว่า “อ๋อ เขาอำลาทีมเพราะร่างกายไม่แข็งแรง” แบบนั้นก็เข้าใจได้
แต่เพราะมันไม่ใช่เหตุผลนั้น ก็เลยมีการพูดคุย ถกเถียงกันมากมาย ว่าเกิดอะไรขึ้น (Note : เช่นผิดใจกับผู้บริหารหรือเปล่า) ดังนั้นผมอยากจะสรุปตรงนี้ว่า เจ้าของทีมได้พยายามทุกอย่างแล้ว ทุกอย่างจริงๆ ไม่มีประเด็นอะไรเกี่ยวกับ FSG ทั้งสิ้น
ผมรักในสิ่งที่เรากับ FSG ทำด้วยกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราสร้างสแตนด์ใหม่ 2 จุด สร้างสนามซ้อมแห่งใหม่ และเรามีทีมฟุตบอลอันยอดเยี่ยมตลอดช่วงเวลาที่ผมคุมทีม ถามว่า ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่ผมต้องการไหม? ผมก็ไม่แน่ใจ ผมจำไม่ได้อีกแล้ว คือทุกครั้งที่มีเรื่องอะไร เราจะคุยกัน และถกเถียงกันอย่างหนัก อะไรเป็นไปได้ อะไรเป็นไปไม่ได้
และสุดท้าย เมื่อการตัดสินใจเกิดขึ้น เราก็ลงเอย ได้ทีมฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้มาทุกๆ ครั้ง บางคนบอกว่า ถ้าเจอร์เก้น คล็อปป์ ได้การสนับสนุนมากกว่านี้จากเจ้าของ บางทีเราอาจจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้ คือคุณคิดว่า การมีนักเตะเข้ามาเพิ่มแค่คนเดียว เราจะทำแต้มได้มากกว่า 97 แต้มงั้นหรือ? ผมไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้น ลำพังแค่นักเตะคนหนึ่ง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากขนาดนั้น
การจะประสบความสำเร็จ บางทีก็อยู่ที่จังหวะชีวิตที่ถูกต้อง เช่น ยิงประตูเกือบจะเข้า อีกแค่ 11 มิลลิเมตร หรือ 15 มิลลิเมตร ก็ข้ามเส้นประตูแล้ว แต่ก็นั่นแหละ มันคือชีวิต ผมเองจะจดจำทุกเรื่องราวเอาไว้ไม่มีลืม
สำหรับตอนนี้ (ไม่ใช่เวลาที่จะมาตำหนิเจ้าของทีม) สิ่งที่เราต้องทำคือ ‘โอเค ทุกคนรู้แล้วนะ ว่าผมจะย้ายไป จากนี้ไปสโมสรก็ต้องวางแผน จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อที่เราจะได้เล่นฟุตบอลสวยงาม แบบที่เราเป็นมาตลอด’ นั่นคือไอเดียของผม
ถ้าผมยังคุมทีมต่อในฤดูกาลหน้า พอซีซั่นเริ่ม ผมคงจะแบบ หมดแรงพลังแล้วพูดว่า ‘โอ้ พระเจ้า ต้องทำงานแบบเดิมอีกแล้วหรอเนี่ยะ” (Note : คล็อปป์ยกตัวอย่าง ตัวเอง ทำท่าเอนหลัง แบบเซ็งที่ต้องมาทำงานสุดๆ) ซึ่งนั่นมันไม่ใช่ผมเลย สไตล์การทำทีมของผม คือใช้พลังงานมหาศาล เมื่อก่อนผมมีพลังมากมาย ที่จะแบ่งปันให้คนอื่นได้ด้วย แต่ตอนนี้พลังนั้นไม่มีอีกแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนเดิม และถ้าผมไม่ได้เป็นคนเดิม ผมก็ไม่สามารถทำงานได้ นั่นคือสิ่งที่เราทุกคนรวมถึงตัวผมเอง ต้องยอมรับมัน
ผมหวังว่าคุณก็จะยอมรับมันได้เช่นกัน จากนั้นเราก็เดินหน้าลุยต่อ นั่นคือแผนที่วางไว้
[ พิธีกร : นั่นคือสารที่คุณต้องการส่งถึงแฟนบอลใช่ไหม? ]
คล็อปป์ : สารที่ผมจะส่งถึงแฟนบอลคือ ผมอยากให้พวกคุณยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้ นั่นจะเป็นเรื่องดีมาก
และถ้าผมสามารถขออะไรได้อีกหนึ่งอย่างล่ะก็ หลังจากที่เพิ่งเคยขอไปก่อนหน้านี้ ว่าอย่าร้องเพลงของผมเร็วเกินไปทั้งๆ ที่เกมยังไม่จบ (หัวเราะ) และ เคยขอพวกคุณว่าให้ช่วยกันเปล่งเสียงให้ดังๆ ในสนาม อะไรพวกนั้น
ถ้าผมขอได้หนึ่งอย่างล่ะก็ นั่นคือ อย่าทำให้เกมฟุตบอลนัดที่เหลืออยู่ในฤดูกาลนี้ เป็นการ “สู้เพื่อผม” เพราะนั่นไม่จำเป็นเลย สิ่งเดียวที่ผมต้องการคือให้คุณซัพพอร์ททีมเหมือนเดิม ไม่ใช่ซัพพอร์ทผม
ผมรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นอย่างไร และไม่จำเป็นที่พวกคุณต้องพิสูจน์อะไรให้ผมเห็น ว่ารักผม แน่นอน เราอาจมีโมเมนต์บางอย่างด้วยกัน อาจจะเป็นเกมนัดสุดท้ายที่ได้เล่นในแอนฟิลด์ หรือที่สนามไหนสักแห่งก็ตาม ผมหมายถึง อาจจะเป็นเกมที่ประเทศอื่น ในถ้วยใบอื่นก็ได้
(Note : คล็อปป์หมายถึง นัดสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก จะแข่งวันที่ 19 พฤษภาคม ลิเวอร์พูลเจอวูล์ฟแฮมป์ตันที่แอนฟิลด์ แต่นั่นอาจไม่ใช่เกมสุดท้ายเพราะถ้าลิเวอร์พูลเข้าชิง ยูโรป้าลีกนัดชิง ที่ดับลิน จะต้องลงแข่งวันที่ 22 พฤษภาคมที่สนามอาวิว่า สเตเดี้ยมในดับลิน หรือนัดชิง เอฟเอคัพ จะลงแข่งที่เวมบลีย์ วันที่ 25 พฤษภาคม)
ยังมีเวลาอีกมากมาย ที่จะเราจะร่ำลากัน ส่วนตอนนี้เราต้องเดินหน้าลุยต่อไป คือโลกภายนอก อาจเอาเรื่องการอำลาของผม มาหัวเราะใส่เรา มากวนใจเรา แต่เราคือลิเวอร์พูล เราผ่านเรื่องหนักกว่านี้ด้วยกันมาแล้ว
จริงๆ พวกคุณเคยผ่านเรื่องราวหนักๆ มาก่อนผมเสียอีก ดังนั้นถ้าเราจะเข้มแข็งในสถานการณ์นี้ได้ มันจะเป็นเรื่องเยี่ยมมาก เรามาเค้นพลังทั้งหมดที่มี ออกมาใช้ในฤดูกาลนี้กัน เพื่อที่เราจะได้มีอีกสักเรื่องให้ยิ้มได้ เวลามองย้อนกลับมาในอนาคต
.. ขอบคุณ
Tags : ข่าวลิเวอร์พูล, ข่าวหงส์แดง, คล็อปป์, บทสัมภาษณ์คล็อปป์, พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2020-21, ลิเวอร์พูล, เจอร์เก้น คล็อปป์