พรีเมียร์ลีกนัดที่ 13 ของฤดูกาล ลิเวอร์พูลมีโอกาสดีที่จะทิ้งเเชมป์เก่าไปกลางทางมีคิวเปิดบ้านรับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งจะเตะกันคืนวันอาทิตย์ เวลา 23.00 น.
Head to Head : ช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่า พบกันบ่อยเเม้จะเป็นในชปล.ที่หลายๆทีมนานปีจะเจอกันสักหนเเละเเน่นอนมาผลคือ “เเพ้สะบัด”
- แมนฯ ซิตี้ 4-1 ลิเวอร์พูล (EPL 22/23)
- แมนฯ ซิตี้ 1-1 ลิเวอร์พูล (EPL 23/24)
- ลิเวอร์พูล 1-1 แมนฯ ซิตี้ (EPL 23/24)
สภาพความพร้อมของทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล แมนฯซิตี้
ลิเวอร์พูล – เราจะได้ เทรนต์ อาโนลด์ ที่กลับมาฟิตพร้อมลงตัวจริง สวนทางกับคอนอร์ เเบรดลี่ย์ เเละ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ซึ่งเจ็บมาจากนัดล่าสุด น่าจะชวดลงสนามไปพักนึง(ตอนนี้ 5-6 วีค ยังเป็นการคาดการณ์…รอยืนยันอีกที)
ส่วน เฟเดริโก้ คิเอซ่า เองก็ถือว่าเป็นข่าวดีเล็กๆที่เจ้าตัวซ้อมเต็มเซสชั่นได้เเล้ว แต่คงเป็นเกมกลางสัปดาห์กับนิวคลาสเซิ่ลมากกว่าที่เค้าจะพร้อมท้าชิงตำแหน่งในทีม เเละเเน่นอนว่าตัวเจ็บเก่าๆอย่าง อลิสซง เบ็คเกอร์, ดิโอโก้ โชต้า เเละ คอสตาส ซิมิคาส ยังไม่หายอดเล่นเเมตซ์นี้
เเมนฯ ซิตี้ – พวกเขาหมดสิทธิ์ใช้งาน ออสก้า บ็อบบ์(ขาหัก), มาเตโอ โควาซิช(ไม่ทราบสาเหตุ) เเละ โรดรี้(เข่า) หัวใจหลักของทีมที่พักจนจบซีซั่น เเต่ก็ยังได้ลุ้นเช็คฟิต เฌเรมี่ โดกู ว่าจะสลัดอาการบาดเจ็บที่ต้นขาทันมั้ย
คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง หงส์แดง เรือใบ
ลิเวอร์พูล(4-2-3-1) : เคลเลเฮอร์(GK), เทรนต์, โกเมซ, ฟาน ไดจ์ค(C), โรเบิร์ตสัน, กราเฟนแบร์ก, แม็ค อัลลิสเตอร์, ซาลาห์, โจนส์, กัคโป, ดิอาซ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : เอเดอร์ซอน(GK), วอร์คเกอร์, ดิอาซ, อาคานจี้, กวาร์ดิโอล, สโตนส์, กุนโดกัน, เเบร์นาโด, โฟเด้น, ซาวินโญ่, ฮาเเลนด์
นี่เป็นช่วงที่ผลงานเเมนซิตี้เเย่ที่สุดนับตั้งเเต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาคุมทีมในปี 2016 เมื่อพวกเขาไม่ชนะใครเลย 6 นัดติดต่อกัน เเถมในลีกก็เเพ้มา 3 นัดรวด กำลังกดดันอย่างหนักว่า ถ้าไม่มีเเต้มคืนนี้เส้นทางการป้องกันเเชมป์อาจจะริบหรี่เหมือนหวังเห็นเเสงจากก้นเหว
ส่วนลิเวอร์พูลเราถามว่าหวังกี่คะเเนน เเน่นอนว่ายุคของชล็อต ถึงจะไม่ได้ดุดันเท่าเจอร์เก้น คล็อปป์ เเต่การเจอทีมใหญ่เองเราก็ไม่เคยหงอขอวางเเท็คติคสู้กันเป็นทีมๆไป อย่างเจอเเมนยูที่บิ้วอัพห่วยก็บี้เอาตั้งเเต่กลางสนาม, เจอเชลซีที่เเก้เพรสดีเเต่เเพ้บอลไดเร็คก็ใช้ตรงนี้เล่นงาน หรือเเม้เเต่เกมยากกับอาร์เซนอลที่คิดว่าจะไม่มีเเต้มเเล้วก็ยังใจเย็นเล่นเพื่ออดทนรอโอกาสทองของตัวเอง
เพราะฉะนั้นการเจอซิตี้ซึ่งปีหลังๆเราเเพ้ทาง ปีนี้มันอาจจะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เเม้จะขาดเเนวรับคนสำคัญอย่างโกนาเต้ไป สำรองอย่างโกเมซก็พิสูจน์ให้เห็นในนัดเจอไบรท์ตันเเล้วว่า “แทนได้“
ชล็อต พัฒนาทีมทำให้ศักยภาพตัวจริง&สำรองเมื่อเวลาของตัวเองมาถึงพวกเขาเล่นเเทนเพื่อนได้เเบบไม่เคอะเขิน โดยมีเพียงเเค่ ฟาน ไดจ์ค-กราเฟนเเบร์ก-ซาลาห์ สามคนเท่านั้นที่เป็นแกนหลักของทีมห้ามเจ็บห้ามป่วยเด็ดขาด
ซิตี้ซึ่งคุ้นชินกับ ลิเวอร์พูลVer.เพรสดุมาตลอด ถ้ายังมาเล่นเเบบเดิมกะให้เราผลีผลามดันสูงไปแย่ง เราคงไม่เเลกด้วยเเน่ เพราะ 1 แต้มไม่เสียหายอยู่เเล้ว คิดว่ารูปเกม ชล็อต คงพยายามทำให้ได้เเบบนัดเจอเชลซีที่ตั้งโซนเเพ็คเกมรับให้เเน่น เเล้วรอคอยโอกาสใช้บอลสวนยาว…ซึ่งนัดก่อนสเปอร์สใช้ได้ผลมาเเล้ว ขอเเค่ถึงเวลานั้นยิงเป็นตุงให้ได้ก็พอ
เชื่อว่ารายละเอียดเเท็คติคเอย การเเก้เกมครึ่งหลังที่มักมีก๊อกสองไว้ดับคู่เเข่งเอย ปีนี้หงส์เเดงก้าวไปอีกขั้นเเละกำลังมั่นใจในเเนวทางการเล่นของตัวเอง สวนทางกับซิตี้ที่เกมรับสลับคนโน้นคนนี้ลงไม่มีความเเน่นอนกองหน้ายิงได้ก็จริงเเต่กองหลังก็พร้อมเสีย นี่แหล่ะจะเป็นจุดตัดสินให้ลิเวอร์พูลเฉือนได้ 2-1
Tags : คู่ใหญ่คืนนี้, บิ๊กแมตซ์หงส์เจอเรือใบ, ลิเวอร์พูล, ลิเวอร์พูล แมนฯซิตี้, เรือใบแพ้ยาว, เเบรดลี่ย์ เเละ อิบราฮิม่า โกนาเต้ เจ็บ
